วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2554

อ่านดีๆมีสาระ

(ขอขอบคุณเนื้อหาจาก อมิตา อริยอัชฌา)


แม่คนนั้น กับศิรา
ศิราเกลียด แม่คนนั้น แทบขาดใจ
แม่คนนั้น ติดเธอทุกวัน คอยส่งเสียงหยัน ยายโง่เอ๊ย! เมื่อศิราเผลอลบอีเมล์สำคัญบนจอคอมพิวเตอร์
ไม่ได้เรื่องเลย หล่อนร้องเมื่อศิราเสนองานตะกุกตะกักในที่แระชุม
ชาตินี้จะมีทางผอมไหมเนี่ย! หล่อนแหวเมื่อศิราแอบมองเพื่อนชายในสำนักงานที่เธอชื่นชอบ
แม่คนนั้น ..ดูเหมือนจะตั้งใจตามติดชีวิตศิรา เพียงเพื่อย้ำว่าสิ่งที่ศิราทำไม่ถูกต้อง หล่อนถนัดเหลือเกินในการตำหนิติเตียนทุกการกระทำ ตอกย้ำให้ท้อแท้ ชี้ให้เห็นแต่ความเป็นไปไม่ได้ ยิ่งหนุนให้ถอดใจนั้นถนัดมาก หล่อนไม่เคยชื่นชม ไม่เคยให้กำลังใจ ไม่เคยทำให้รู้สึกดี แต่ศิรากลับไม่สลัดหล่อนหลุดจากชีวิตเสียที แปลกจริงๆ
คนเดียวที่เราเชื่อ
ไม่เพียงเชื่อ แม่คนนั้น..ที่คอยคุกคามตามติด บั่นทอนพลังชีวิตด้วยคำพูดร้ายๆ ทว่าเมื่อเพื่อนรักและเพื่อนร่วมงานให้กำลังใจ คอยชื่นชมเมื่อเธอใส่ชุดใหม่ สนับสนุนว่าเธอสร้างความประทับใจในการเสนองาน ศิราผู้ว่าง่ายกับไม่เคยเชื่อฟัง
เขาก็พูดกันเกินไป ฉันไม่ได้ดีขนาดนั้น
แปลกแต่จริง คำพูดดีๆของใครต่อใครก็ไม่อาจทำให้เธอคล้อยตามได้ แต่คำพูดที่เธอเชื่อใจสนิท คือคำพูดร้ายๆของ ..แม่คนนั้น..

หล่อนสิใช่ เป็นคนเดียวที่จริงใจ เป็นคนเดียวที่ศิราควรรับฟัง
รู้ทั้งรู้ว่าเธอตัดใจด้วยอคติ ตำหนิอย่างไม่ยุติธรรม ชี้นำให้เห็นแต่อุปสรรค ตอกย้ำแน่นหนักทุกครั้งที่ล้มเหลว ศิราก็ยังฟังแต่คำของหล่อนอย่างไม่ลืมหูลืมตา คุณคงเริ่มเดาๆแล้วสินะว่า แม่คนนั้น...เป็นใคร
ใช่แล้ว แม่คนนั้น....... คือ เสียงหัวใจของศิราเอง


ชีวิตเดียร์ไม่มีทางเลือก
เดียร์เริ่มงานแรกในชีวิตของเธอในฐานะผู้ช่วยสมุห์บัญชี ทำงานผิดๆพลาดๆอยู่ได้ไม่ถึงปีเธอก็บอกกับตัวเองว่างานนี้ ..ไม่ใช่ตัวฉันเลย..
เสียงในหัว พร่ำร้องบอกเธอว่า..ลาออกเถอะ งานนี้ไม่ใช่ ฉันทำมันไม่ได้ ฉันไม่ถนัดเรื่องตัวเลข
เพื่อนดึงเดียร์ไปทำงานใหม่เป็นเซลล์ขายรถยนต์ แค่เดือนแรกเดียร์ก็ปวดหัวแทบจะบ้าตาย รถแต่ละคันมีรายละเอียดที่ต้องจำมากมายจนสมองแทบแตก
ลูกค้าเรื่องมาก แต่ละคนก็ชอบถามอะไรยากๆทุกครั้งที่เดียร์เจอคำถามที่ตอบไม่ได้ ใบหน้าของเธอก็จะเริ่มเอ๋อ! ให้ลูกค้าเห็น เมื่อเซลล์ยังไม่มั่นใจ ข้อมูลที่ให้ไปก็ยิ่งมั่ว ยิ่งมั่วตอบคำถามไปมากเท่าไหร่ ลูกค้าก็ยิ่งรู้สึกไม่มั่นใจในผลิดภัณฑ์มากเท่านั้น
โลกนี้คงมีคนกล้าน้อยเกินไป เมื่อคนขายไม่มั่นใจ คนซื้อที่ไหนก็คงไม่กล้าพอ ผ่านไปสองเดือน เดียร์ยังขายรถไม่ได้แม้แต่คันเดียว!
เสียงในหัว.. ของเธอเริ่มกรีดใหม่ ลาออกเถอะ งานนี้ไม่ใช่ ฉันเป็นเซลล์ที่ใช้ไม่ได้ ฉันไม่ถนัดงานขายเลยแม้แต่นิดเดียว
มันตอกย้ำใส่หัวเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งที่ผู้จัดการเรียกเธอไปเทศนา และเมื่อได้ครองตำแหน่งเซลล์ยอดขายต่ำสุดติดกันครบสี่เดือน เดียร์ก็เริ่มหมดกำลังใจ
เธอต้องหางานใหม่ แน่นอนมันต้องไม่ใช่งานขาย และมันต้องไม่เกี่ยวข้องกับตัวเลข
แต่งานหาไม่ง่าย ยิ่งไม่ใช่งายขายและไม่เกี่ยวข้องกับตัวเลขงานก็ยิ่งมีน้อย
หางานด้วยความเหนื่อยยากอยู่หลายเดือน สุดท้ายเดียร์ก็หมดหนทาง ต้องกลับไปช่วยแม่เย็บเสื้อที่ ร้าน ซึ่งเป็นงานที่เธอเกลียดจับใจ ทุกเช้าที่เขาตื่นมาเริ่มวันใหม่ เสียงในหัว ของเดียร์จึงเริ่มกรี๊ดประโยคใหม่ จาก ....ฉันโง่ เรื่องตัวเลข ฉันเป็นเซลล์ที่แย่ที่สุดในโลก มาเป็น ทำไมชีวิตฉันไม่มีทางเลือกเลย
,,คุณว่าโศกนาฏกรรมในชีวิตของเดียร์ เกิดขึ้นจากอะไร?”””
เพราเธอไร้ความสามารถที่จะทำงานได้ หรือ เธอ เชื่อว่าตัวเองไร้ความสามารถ!
ชีวิตเดียร์ไม่มีทางเลือกจริงๆใช่ไหม หรือ เธอเลือกที่จะทำให้ตัวเองไม่มี







ทำไมเราเป็นอย่างที่เราเป็น
คุณเคยสงสัยบ้างหรือไม่ว่า ทำคุณถึงเป็นอย่างที่คุณเป็นวันนี้ เพราะอะไรคุณถึงเป็นอย่างที่คุณเป็นวันนี้ เพราะอะไรคุณถึงไม่ก้าวหน้าเสียที ผ่านไปกี่คุณก็ยังไม่ได้ถึงไหน ขณะที่มองดูคนอื่นกำลังไปถึงจุดหมาย แต่เหตุใดคุณจึงยังไม่ได้แม้แต่เริ่มต้น!
คำตอบนั้นง่ายแสนง่าย ที่คุณเป็นอย่างที่เป็นทุกวันนี้ เพราะ....คุณเลือกที่จะเป็น
ชีวิตของคุณมาถึงวันนี้ เพราะคุณเลือกทางเดินนี้ให้ตัวเอง!
ชะตากำของชีวิตทั้งชีสิตไม่ได้ถูกลิขิตด้วยเทพเจ้าองค์ใด มันดำเนินมาจนถึงวันนี้ได้ด้วยสิ่งที่เราบอกตัวเราเอง!
ทุกคำพูดที่คุณกับตัวเอง ทรงพลังอำนาจต่อการตัดสินใจของคุณมากกว่าที่คุณคาดคิด
มันเป็นไปได้ทั้งลมแรง ที่ผลักดันชีวิตเราให้บินสู่จุดหมายข้างหน้า และอาจเป็นลมต้าน ดันเราให้อ่อนล้าไปไม่ถึงไหน
ชีวิตเรามาถึงวันนี้ได้ เพราะเราเลือกทิศทางลมให้ตัวเราเอง


ผลลัพธ์ของชีวิต
สิ่งที่คุณเป็นในวันนี้ คือบทสรุปรวมของ พฤติกรรม ที่คุณลงมือทำตลอดชีวิตที่ผ่านมา
นักจิตวิทยาได้โยงใยให้เราเห็นได้ชัดๆว่า เรื่องนี้เกี่ยวพันกันอย่างแยกกับสิ่งที่คุณพูดกับตัวเอง
อย่างพึ่งส่ายหน้าไม่อยากเข้าใจ โปรดพิจารณาความสัมพันธ์ข้างล่างนี้ก่อน

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตเรา มาจากพฤติกรรมของเรา
พฤติกรรมในชีวิตของเรา มาจากความรู้สึกของเรา
ความรู้สึกของเรา มาจากทัศนคติของเรา
ทัศนคติของเรา มาจากความเชื่อของเรา
ความเชื่อของเรา มาจากข้อมูลที่ยู่ในสมองของเรา
ข้อมูลที่อยู่ในสมองของเรา (ส่วนใหญ่)มาจากสิ่งที่เราโปรแกรมเข้าไปเอง

ถ้าชีวิตเราเป็นผลลัพธ์ขั้นสุดท้ายของข้อมูลที่ถูกโปรแกรมเข้าในสมองของเราและเราต้องการเปลี่ยนแปลงในผลลัพธ์ในชีวิตใหม่
สิ่งที่เราต้องเปลี่ยนให้ได้ ก็ต้องเป็นวิธี (พูด มอง คิด ตัดสิน ) ที่เรามีต่อตัวเอง

น้องกำลังทำอะไร
คุณเดินผ่านไซท์งานก่อสร้างขนาดใหญ่ใกล้ที่ทำงานคุณ คุณกำลังเห็นหนงานสามคนกำลังเรียงอิฐโบกปูน
ด้วยความสงสัย คุณเข้าไปถามคำถามคนงานคนแรก
น้องๆน้องกำลังทำอะไร คนแรกหันมาตอบคุณอย่างเสียไม่ได้ ..ก็ก่อปูนสิพี่ ถามได้...
คุณไม่ได้คำตอบที่พอใจ จึงเดินไปถามคนที่สองด้วยคำถามเดิม
น้องๆกำลังทำอะไร คนที่สองหันมาตอบคุณอย่างเซ็งหัวใจ ..ทำงานแลกค่าแรงขั้นต่ำไงพี่...
คุณยังคงไม่ได้คำตอบที่พอใจ จึงเดินไปถามคนที่สาม
น้องๆกำลังทำอะไร คนงานคนที่สามกำลังทำงานอย่างมุ่งมั่นเงยหน้าขึ้นยิ้มกว้าง ปาดเหงื่อแล้วพูดกับคุณอย่างภูมิใจ
“ ผมกำลังก่อสร้างศูนย์โรคหัวใจแห่งใหม่ ที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในเอเชียครับ”
โปรดอย่าประเมินตัวเองต่ำ
เรื่องนี้บอกอะไรกับคุณ?
ถูกต้อง! คุณไม่อาจล่วงรู้ได้หลอกว่า อนาคตของคนงานทั้งสามคนจะเป็นอย่างไรต่อไป
แต่สิ่งเดียวที่คุณรู้และมั่นใจ
คนงานคนสุดท้าย จะไม่เป็นคนงานก่อสร้างไปชั่วชีวิตแน่นอน
แล้วคุณล่ะ ในชีวิตประจำวันของคุณถ้าใครสักคนถามในสิ่งที่คุณทำ คุณจะบอกเขาว่าคุณกำลังทำงาน ก่อสร้าง ทำงานแรกกค่าแรงขั้นต่ำ หรือ กำลัง ก่อสร้างศูนย์โรคหัวใจแห่งใหม่ที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในเอเชีย
เมื่อใครสักคนถามคุณว่าคุณทำอะไร โปรดอย่า ประเมินตัวเองต่ำเกินไป ด้วยการอธิบายในสิ่งที่คุณกำลังทำเหมือนที่เคยเป็นพนักงานบัญชีต๊อกต๋อย
นักเขียนไส้แห้ง
ข้าราชการชั้นผู้น้อย
นักแสดงกระจอกๆ
ขายของไปวันๆ
หาเช้ากินค่ำ
หยุด!!โปรดจำเอาไว้ สิ่งที่คุณพูดกับตัวเองทุกคำ ทรงพลังอำนาจมากกว่าที่คุณคิด
สิ่งที่คุณบอกกับตัวเอง ไม่ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ มีผลเชื่อมดยงต่อพฤติกรรมในอนาคตของคุณ อันจะนำไปสู่ความสำเร็จหรือล้มเหลวของชีวิตคุณ!
“ในบรรดาการสื่อสารทุกชนิดของเรา ไม่มีการสื่อสารใดที่สำคัญต่อชีวิตเรา
เรากับวิธีที่เราพูดกับตัวเราเอง” Sheila Murray Bethel


ไฟล์ที่ถูกอัดทับ
ปี1969 นักวิจัยสองคนพบว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนเรารู้สึกหมดความสุขได้มากกที่สุด คือวิธีที่เราพูดกับตัวเอง
ใครคนหนึ่งถึงกับเขียนไว้ว่า “ถ้าเราพูดกับเพื่อนอย่างเดียวกับที่เราพูดกับตัวเอง เราจะไม่มีเพื่อนเหลืออยู่เลย”
เราไม่เคยสังเกตเลยว่าที่เรามีต่อตัวเองนั้นเย็นชา และโหดร้ายเพียงใด แต่นั่นยังไม่โหดร้ายเท่ากับการที่เรา “เชื่อ” มันอย่างสนิทใจด้วย!
คุณอาจไม่เชื่อ ความคิดก็ความคิดสิ แค่แอบคิดร้ายกับตัวเอง ไม่เห็นว่ามันจะต้องเป็นจริงนี่นา
แต่คุณกำลังเข้าใจผิด ทุกคำพูดที่มาจากความคิดในหัวของคุณ ส่งผลกระทบต่อคุณอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่มีงานวิจัยออกมามากมายนับชิ้นไม่ถ้วน ที่ระบุว่าความเครียด มีส่วนทำให้ร่างกายเจ็บป่วย และคนที่มีสุขภาพจิตดี มองโลกในแง่ดี มีแนวโน้มที่จะอายุยืนยาวมากกว่าคนที่มองโลกในแง่ร้าย
ไม่ใช่แค่ผลทางร่างกาย แต่ถ้าคุณอ่านประวัติของคนที่ชนะชีวิต คุณจะพบโดยไม่บังเอิญว่า คนเหล่านี้มักมีวิธีมองโลกทั้งใบในทางบวก และพูดกับตัวเองแต่เรื่องดีๆ เท่านั้น
ถ้าคุณอยากชนะชีวิต คุณต้องรู้ความลับข้อนี้
ว่าทุกอย่างที่คุณพูดออกมา มีผลต่อจิตใต้สำนึกของคุณทั้งนั้น
จิตใต้สำนึกก็เหมือนกล่องข้อมูลขนาดใหญ่ เปรียบได้กับฮาร์ดดิสก์ในคอมพิวเตอร์ หน้าที่ของมันคือคอยบันทึก ทุกอย่างที่คอยผ่านเข้ามาหา ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า (รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส)
ถ้าสิ่งนั้นผ่านเข้ามาบ่อยๆมันก็จะบันทึกซ้ำลงไปบ่อยๆ
ทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี ที่เทปของเราบันทึกสิ่งที่ผ่านเข้ามาซ้ำทับลงไปเรื่อยๆนับร้อยนับพันเที่ยว
และข้อมูลที่อัดกันอยู่ในฮาร์ดดิสก์นี้ ส่งผลอย่างมากมายต่อการตัดสินใจของเรา ที่มีต่อทุกสถานการณ์ในชีวิตของเรา

เปลี่ยนโปรแกรมตัวเอง
นี่คือสิ่งที่หนังสือเล่มนี้กำลังจะพูดถึง การเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตด้วยวิธีง่ายๆ แค่ควบคุมคำพูดของคุณที่มีต่อคุณเอง ให้มีแต่คำพูดที่มีประโยชน์ต่อคุณ
ไม่สำคัญว่าไม่วันนี้คุณจะประสบควาสำเร็จมากหรือน้อยแค่ไหน คุณต้องเลิกเพ่งเล็งความล้มเหลว ข้อกำจัด ความหวาดหวั่น ความพลาดพลั้ง
แลพหันไปมุ่งเพ่งเล็งแต่สิ่งที่สร้างสรรค์ ยกระดับ เติมเต็ม กระตุ้นพลังแทน
เพราะ “คุณทำได้ในสิ่งที่คุณทำได้” คุณจึงใส่พลังทั้งหมดที่คุณมีไปยังสิ่งที่คุณทำได้สิ่งที่คุณต้องการ สิ่งที่คุณอยากเป็น
ความผิดพลาดเกิดได้เสมอและคุณต้องยอมรับมัน แต่จงปฏิบัติเสมือนเป็น”ข้อเท็จจริง” อันหนึ่งเท่านั้น อย่าเกาะติดยึดเหนี่ยวกับมัน นี่คือเทคนิคง่ายดายที่จะเติมพลังส่วนตัวของคุณได้อย่างมหาศาล
อย่าปล่อยให้พฤติกรรมในชีวิตประจำวันของคุณ ถูกผลักดันจากถ้อยคำไร้การไตร่ตรองที่คุณพูดกับตัวเอง อันเป็นคำพูดผิดๆที่เกิดจากการสะสม “ขยะ” ของสิ่งที่คุรได้ยินกับตัวคุณมาตลอดชีวิต
คุณไม่ได้เกิดมาในโลกนี้ เพียงเพื่อจะรู้สึกไม่ดี ไม่เอาไหน ไม่ประสบความสำเร็จ
คุณไม่ได้เกิดมาในโลกบี้ เพื่อที่จะมองเห็นแต่มุมไม่ดีของตัวเอง ข้อเสียของตัวเอง ความโง่เง่าของตัวเอง
คุณไม่ได้เกิดมาในโลกใบนี้ เพื่อที่จะรู้สึกว่าตัวเองโชคไม่ดี ตั้งแต่เกิดจนตาย
อย่ายอมให้คำพูดของตัวเอง เหนี่ยวรั้งจากตัวคุณเองจากสิ่งที่คุณทำได้ และสิ่งที่คุณเป็นได้
“จงเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตของคุณใหม่ ด้วยการลุกขึ้นมาเปลี่ยนวิธีพูดกับตัวเอง!!
คำพูดในหัวเรา ดลบันดาลให้เราเป็นได้ทุกอย่าง
ทั้งคนรวยและคนจน เป็นที่รักและที่ชัง น่ารักหรืออน่าเกลียด ร่าเริงหรืออมทุกข์
เปี่ยมพลังหรืออ่อนล้า ( Ralph Charell)

ปล.เมื่อยพิมพ์เหอะๆ